การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง: บทบาทของจักรพรรดิเหงียนหว่างในสงครามเวียดนาม-สยาม

 การเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่สอง: บทบาทของจักรพรรดิเหงียนหว่างในสงครามเวียดนาม-สยาม

หากพูดถึงประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและเวียดนาม หลายคนอาจจะนึกถึงสงครามเวียดนาม-สยาม หรือสงครามที่เกิดขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 ถึงต้นศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นยุคที่ทั้งสองประเทศต่างมีอำนาจและดินแดนขยายตัว สร้างความตึงเครียดบนเส้นแบ่งเขตแดน และนำไปสู่การเผชิญหน้าทางทหาร

ในจำนวนผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการสานต่อสงครามครั้งนี้ หนึ่งในบุคคลที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ จักรพรรดิเหงียนหว่าง (Nguyen Anh) ซึ่งต่อมาได้ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ Gia Long พระองค์ทรงเป็นผู้นำ quân đội Tây Sơn ในช่วงแรก และต่อสู้กับอาณาจักร Nguyen

จักรพรรดิเหงียนหว่าง เป็นบุตรชายของพระเจ้าเหงียนฟุก อดีตจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ Nguyễn ผู้ถูกโค่นล้มโดย quân đội Tây Sơn นับตั้งแต่ยังเด็ก พระองค์ได้ถูกฝึกฝนอย่างเข้มงวดทั้งในด้านการทหารและการปกครอง การพลัดพรากจากบ้านเกิดและครอบครัวทำให้พระองค์มีความมุ่งมั่นที่จะแก้แค้น และกู้คืนราชบัลลังก์

หลังจากที่ quân đội Tây Sơn เอาชนะ Nguyễn ได้แล้ว จักรพรรดิเหงียนหว่าง หนีไปพึ่งพิงฝรั่งเศสที่เกาะ Phu Quoc, ซึ่งเป็นดินแดนของเวียดนามตอนใต้ ในช่วงเวลานี้ พระองค์ได้รวบรวมกำลังและเตรียมการสำหรับการกลับมาแก้แค้น

จักรพรรดิเหงียนหว่าง เป็นผู้นำที่มีความสามารถในการวางแผนทางทหารอย่างชาญฉลาด และทรงได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มขุนนางและประชาชนที่ต้องการเห็น Nguyen กลับมามีอำนาจอีกครั้ง

ในปี พ.ศ. 2358 (ค.ศ. 1815) จักรพรรดิเหงียนหว่าง ได้ปราบ quân đội Tây Sơn และยึดครองพระนคร Huế ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเวียดนามได้สำเร็จ พระองค์จึงขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิ Gia Long และสถาปนา ราชวงศ์ Nguyen ครั้งที่สอง

การกลับมาครองราชย์ของ Gia Long นับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์เวียดนาม

  • การรวมชาติ: Gia Long กำจัด勢力 Tây Sơn และรวมดินแดนเวียดนามเข้าด้วยกัน
  • การปฏิรูป: Gia Long สร้างระบบ प्रशासनใหม่, พัฒนาระบบการศึกษา และส่งเสริมการค้าขาย ทำให้เวียดนามเจริญรุ่งเรือง

อย่างไรก็ตาม การที่ Gia Long ก่อตั้งอาณาจักร Nguyen ขึ้นมาอีกครั้ง ก็ได้สร้างความไม่มั่นคงให้กับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สยามซึ่งเป็นคู่แข่งทางการเมืองและดินแดนของ Gia Long ได้รับรู้ถึงภัยคุกคามจากเวียดนามที่เข้มแข็งขึ้น

ด้วยเหตุนี้ สยามจึงได้เตรียมการเพื่อรับมือกับความก้าวร้าวของเวียดนาม และนำไปสู่สงครามหลายครั้งระหว่างสองประเทศในช่วงศตวรรษที่ 19 ซึ่งสงครามเหล่านี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อทั้งไทยและเวียดนาม

จักรพรรดิเหงียนหว่าง หรือ Gia Long เป็นตัวอย่างของผู้นำที่มีความมุ่งมั่น และสามารถนำพาประเทศของตนให้ผ่านช่วงวิกฤติได้สำเร็จ พระองค์ทรงเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์เวียดนาม และยังคงมีอิทธิพลต่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จนถึงปัจจุบัน

Gia Long and the Territorial Disputes

Gia Long’s rise to power also marked the beginning of territorial disputes between Vietnam and Siam (present-day Thailand).

Gia Long’s Expansionist Policies Impact on Siam
Annexation of Khmer territories in Cambodia Led to Siamese concerns about Vietnamese encroachment
Establishment of Vietnamese control over the Mekong Delta Threatened Siamese access to valuable trade routes
Support for Cham rebellions against Siam Inflamed tensions between the two kingdoms

These disputes culminated in several major wars between Vietnam and Siam throughout the 19th century, including:

  • The Siamese–Vietnamese War (1831-1834) - This war was sparked by a dispute over Cambodian territories. Gia Long’s successor, Minh Mạng, refused to recognize Siamese control over these territories.

  • The Siamese-Vietnamese War (1841-1845) - This conflict stemmed from Siamese concerns about Vietnamese expansionism in the Mekong Delta region.

These wars were costly and devastating for both countries, but they also highlight Gia Long’s enduring legacy as a powerful and influential ruler who reshaped the political landscape of Southeast Asia.

Gia Long’s reign marked the beginning of a new era for Vietnam, but it also set the stage for future conflicts in the region.