การปฏิวัติขาวของเปอร์เซีย: การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและสังคมครั้งใหญ่ในยุคศตวรรษที่ 20

สงครามโลกครั้งที่หนึ่งได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อหลายประเทศทั่วโลก และเปอร์เซีย (ปัจจุบันคืออิหร่าน) ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ในช่วงทศวรรษ 1900 ชาห์โมฮัมหมัด อาลี ชาห์ ซึ่งขึ้นครองราชย์ในปี พ.ศ.2436 เผชิญกับความขัดแย้งอย่างรุนแรงจากทั้งภายในและภายนอก
ผู้ที่ไม่พอใจในการปกครองของชาห์ รวมถึงกลุ่มขุนนาง แว่นทอผ้า และนักบวช ต่างก็เริ่มต่อต้านการที่เขายอมให้ชาติมหาอำนาจต่างชาติเข้ามาแทรกแซงในกิจการภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรัสเซียและอังกฤษ
การแข่งขันเพื่อครอบครองทรัพยากรทางเศรษฐกิจของเปอร์เซีย เช่น น้ำมัน และเส้นทางการค้าที่สำคัญ ทำให้ทั้งสองประเทศเข้ามาคุกคามความเป็นอิสระของชาติ
ในปี พ.ศ.2458 อับบาส มัชฮ์ดี อาลี ผู้ซึ่งต่อมาจะได้รับการขนานนามว่า “ชาห์แห่งโมเดิร์น” ได้ก่อตั้งกลุ่มการเมืองที่เรียกว่า “คณะกรรมการการปฏิวัติ”
กลุ่มนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อโค่นล้มระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ และสถาปนาสาธารณรัฐสำหรับชาวเปอร์เซีย
การปฏิวัติขาว หรือ “The Persian White Revolution” เป็นการปฏิรูปที่นำโดยชาห์ โมฮัมหมัด เรซา ปาห์เลวี ในช่วงทศวรรษ 1960 เพื่อทำให้ประเทศทันสมัยขึ้น และขจัดความยากจน
แม้ว่าชาห์จะได้ดำเนินการในนามของการพัฒนา แต่ก็ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากฝ่ายตรงข้าม
การปฏิรูปบางส่วน เช่น การให้สิทธิสตรีในการลงคะแนน และการริเริ่มโครงการเกษตรกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิต
กลับถูกมองว่าเป็นการรุกล้ำความเชื่อดั้งเดิมของชาวเปอร์เซีย
และไม่คำนึงถึงความต้องการของประชาชน
ตารางด้านล่างแสดงสรุปการปฏิรูปที่สำคัญในช่วงการปฏิวัติขาว:
การปฏิรูป | รายละเอียด |
---|---|
การให้สิทธิสตรีในการลงคะแนน | สิทธิสตรีได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการ |
โครงการเกษตรกรรม | กำหนดไว้เพื่อเพิ่มผลผลิตและความมั่นคงทางอาหาร |
การปฏิรูปที่ดิน | เปลี่ยนแปลงระบบกรรมสิทธิ์ในที่ดินเพื่อให้ชาวนาเข้าถึงที่ดินได้มากขึ้น |
การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี | โครงการวิจัยและพัฒนาเพื่อสนับสนุนการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ |
การปฏิวัติขาวของเปอร์เซีย เป็นตัวอย่างที่น่าสนใจของความพยายามในการนำความทันสมัยมาสู่สังคมแบบดั้งเดิม
อย่างไรก็ตาม การปฏิรูปเหล่านี้ไม่ใช่ไม่มีข้อโต้แย้ง และนำไปสู่ความไม่พอใจในหมู่ประชาชนบางส่วน ซึ่งเป็นตัวเร่งสำคัญของการปฏิวัติอิสลามในปี พ.ศ.2522