การล้มสลายของกฎระบอบซาร์ การปฏิวัติรัสเซียปี 1905 และความขัดแย้งทางชนชั้นในจักรวรรดิรัสเซีย

การล้มสลายของกฎระบอบซาร์ การปฏิวัติรัสเซียปี 1905 และความขัดแย้งทางชนชั้นในจักรวรรดิรัสเซีย

ประวัติศาสตร์เป็นเหมือนสมการที่ซับซ้อน มีตัวแปรมากมายที่สัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออก การเปลี่ยนแปลงครั้งหนึ่งอาจส่งผลกระทบต่อนครประเทศและทิ้งร่องรอยไว้ให้คนรุ่นหลังศึกษาและวิเคราะห์ ความล้มสลายของกฎระบอบซาร์ในปี 1917 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน โดยมีรากฐานมาจากเหตุการณ์สำคัญมากมาย รวมถึงการปฏิวัติรัสเซียปี 1905

ก่อนจะไปถึงจุดเปลี่ยนสำคัญนั้น เราต้องย้อนกลับไปในยุคของจักรวรรดิรัสเซีย ซึ่งนำโดยกษัตริย์ผู้ทรงอำนาจอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน การปกครองแบบรวมศูนย์ของซาร์ได้สร้างความไม่สมดุลทางสังคมอย่างรุนแรง ชนชั้นสูงและชนชั้นขุนนางมีสิทธิพิเศษในทุกด้าน ขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ซึ่งเป็นเกษตรกรและชนชั้นแรงงานต้องทนทุกข์ภายใต้ระบบ крепо conservatism

ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 เริ่มมีการฟุบเฟืองทางสังคมอย่างมาก รัสเซียกำลังเผชิญหน้ากับปัญหาทางเศรษฐกิจ การอุตสาหกรรมยังไม่ค่อยพัฒนา และสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนส่วนใหญ่ต่ำต้อยมาก

เมื่อวันที่ 22 มกราคม ค.ศ. 1905 บาทหลวงГеоргий Гапон (Georgy Gapon) ได้นำการชุมนุมของผู้คนจำนวนหนึ่งไปยังพระราชวังฤดูหนาวในเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อซาร์นิโคลัสที่ 2

ผู้ประท้วงต้องการให้มีการปรับปรุงสภาพความเป็นอยู่และสิทธิทางการเมือง แต่ทว่าการชุมนุมถูกปราบปรามอย่างโหดร้ายโดยทหารของจักรวรรดิ ซึ่งได้ยิงและสังหารผู้ประท้วงจำนวนมาก

เหตุการณ์“Bloody Sunday” นี้จุดชนวนให้เกิดการปฏิวัติทั่วประเทศ รัสเซียถูกล่ามโซ่ด้วยการประท้วง การนัดหยุดงาน และการก่อจลาจล

จากความไม่สงบทางการเมือง ซาร์นิโคลัสที่ 2 ถูกบังคับให้ยอมรับการปฏิรูปบางอย่าง โดยประกาศพระราชกฤษฎีกาเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 1905 ซึ่งสร้างสภาของรัฐ (duma) ขึ้นมา

ดูม่าเป็นสหภาพแห่งตัวแทนที่ได้รับเลือกจากประชาชน มีอำนาจในการออกกฎหมายและควบคุมกิจการของรัฐบาลในระดับหนึ่ง อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังคงมีอำนาจสูงสุด และดูม่าถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดต่างๆ

การปฏิวัติปี 1905 ไม่ประสบความสำเร็จอย่างสมบูรณ์ แต่ก็เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในประวัติศาสตร์รัสเซีย การเคลื่อนไหวครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของประชาชนต่อระบอบซาร์ และเปิดทางสู่การปฏิวัติอีกครั้งในปี 1917

ลีโอน 트อลสตอย: ผู้รำพึงคร่ำครวญและผู้ตั้งคำถาม

**

ชื่อ เกิด ถึงแก่กรรม งานสำคัญ
ลีโอน ตอลสตอย 28 สิงหาคม ค.ศ. 1828 7 พฤศจิกายน ค.ศ. 1910 สงครามและสันติภาพ, อานา คารินา

** ลีโอน ตอลสตอย (Leon Tolstoy)** เป็นหนึ่งในนักเขียนชาวรัสเซียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก เขาเป็นผู้เขียนนวนิยายที่ทรงอิทธิพลอย่าง“สงครามและสันติภาพ” และ “อานา คารินา” ซึ่งทั้งสองเรื่องล้วนสะท้อนถึงความซับซ้อนของสังคมรัสเซียในช่วงศตวรรษที่ 19

นอกจากเป็นนักเขียนแล้ว ตอลสตอยยังเป็นนักปรัชญาและนักปฏิรูปทางสังคมอีกด้วย ในช่วงหลังของชีวิต เขาได้หันมาสนใจเรื่องราวของศาสนา และเรียกร้องให้มีการดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย

ผลงานของเขาเต็มไปด้วยการวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์ ความรัก ความสูญเสีย การต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่ว

ตอลสตอยเป็นผู้ตั้งคำถามอย่างรุนแรงถึงระบอบสังคมที่ไม่ยุติธรรม ซึ่งสร้างความขัดแย้งระหว่างชนชั้นต่างๆ ในรัสเซีย และเขาได้แสดงให้เห็นถึงความทุกข์ทรมานของประชาชนส่วนใหญ่ผ่านตัวละครในนวนิยาย

การวิเคราะห์ผลงานของตอลสตอย

งานเขียนของตอลสตอยมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการวรรณกรรมโลก “สงครามและสันติภาพ” เป็นมหากาพย์ที่ยาวที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุดเรื่องหนึ่ง ซึ่งนำเสนอภาพชีวิตของชนชั้นสูงในรัสเซียในช่วงสงคราม напоเลียน

นวนิยายเรื่องนี้เต็มไปด้วยตัวละครที่น่าจดจำ ผู้ซึ่งเผชิญหน้ากับความรัก ความสูญเสีย และความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์

“อานา คารินา” เป็นเรื่องราวของผู้หญิงที่ถูกสังคมรัสเซียในสมัยนั้นกดขี่และทำร้าย

** ตารางเปรียบเทียบตัวละครหลัก

ตัวละคร นวนิยาย บุคลิกลักษณะ
ปิแยร์ เบซูฮอฟ สงครามและสันติภาพ อ่อนโยน มีความสงสัย หาคำตอบในชีวิต

| อานา คารินา | อานา คารินา | หุนหอน เสน่หา ใฝ่สูง และขัดแย้ง | |

อานาเป็นผู้หญิงที่สวยงามและฉลาด แต่ถูกกักขังอยู่ในกรอบของสังคม

เธอต่อสู้เพื่อความรักและความสุขของตนเอง และสุดท้ายก็ต้องจมลงในความทุกข์

ผลงานของตอลสตอยยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักอ่านทั่วโลกมาจนถึงทุกวันนี้

เขาได้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนของมนุษย์และความโหดร้ายของระบบสังคมที่ไม่ยุติธรรม

ตอลสตอยเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่ทำให้เราได้สำรวจจิตวิญญาณของมนุษย์อย่างลึกซึ้ง