การชุมนุมของผู้ประท้วงในปี 2021 เพื่อต่อต้านแผนการปฏิรูปภาษีของโคลอมเบีย: การลุกฮือของประชาชนที่สะท้อนถึงความไม่เท่าเทียมกันและความขัดแย้งทางสังคม

ประเทศโคลอมเบีย มักถูกมองว่าเป็นดินแดนแห่งความหลากหลายทางวัฒนธรรม ความสวยงามของธรรมชาติ และจังหวะของดนตรีซัลซ่า อย่างไรก็ตาม ภายใต้ผิวเผินอันสดใส นั้นยังคงซ่อนเร้นด้วยปัญหาสังคมที่ลึกซึ้ง ซึ่งสะสมมารุ่นต่อรุ่น จนในที่สุดก็ระเบิดออกมาเป็นการชุมนุมประท้วงขนาดใหญ่ ในเดือนเมษายนปี 2021
เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลโคลอมเบียนำเสนอแผนการปฏิรูปภาษี ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มรายได้ของรัฐบาลเพื่อเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากวิกฤตโควิด-19 อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวถูกมองว่าเป็นภาระที่หนักเกินไปสำหรับประชาชนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และชนชั้นกลาง ที่กำลังเผชิญกับความยากลำบากทางเศรษฐกิจอยู่แล้ว
การปฏิรูปภาษีเสนอการขึ้นภาษีสินค้าและบริการหลายรายการ รวมถึงอาหาร ยา และค่าสาธารณูปโภค การขึ้นภาษีเหล่านี้จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อประชาชนที่อยู่ในระดับฐานะยากจน โดยจะทำให้ต้นทุนชีวิตที่จำเป็นเพิ่มสูงขึ้น และลดความสามารถในการเข้าถึงสินค้าและบริการพื้นฐาน
นอกจากนั้น รัฐบาลยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าขาดการปรึกษากับประชาชน และภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการจัดทำแผนปฏิรูปภาษี ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าไม่ได้รับการยอมรับ และไม่เห็นด้วยกับนโยบายของรัฐบาล
ความไม่พอใจจากประชาชนค่อยๆ สะสม จนในที่สุดก็ระเบิดออกมาเป็นการชุมนุมประท้วงขนาดใหญ่ ในเดือนเมษายนปี 2021 ผู้ประท้วงจำนวนมากเท chânลงสู่ท้องถนนทั่วประเทศ โคลอมเบีย เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วยต่อแผนการปฏิรูปภาษี และเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก
นอกจากการต่อต้านแผนการปฏิรูปภาษีแล้ว ผู้ประท้วงยังยกระดับข้อเรียกร้องของตนไปถึงเรื่องราวอื่นๆ ที่สะท้อนถึงปัญหาสังคมที่รากลึกในโคลอมเบีย เช่น
-
ความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ: โคลอมเบียเป็นประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำสูงมาก โดยกลุ่มชนชั้น elite ครอบครองทรัพย์สินและรายได้ส่วนใหญ่ ในขณะที่ประชาชนส่วนใหญ่ต้องต่อสู้กับความยากจน
-
การคอร์รัปชั่น: การทุจริตในภาครัฐเป็นปัญหาเรื้อรังในโคลอมเบีย ซึ่งกัดกร่อนความไว้วางใจของประชาชนต่อสถาบัน
-
ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ: โคลอมเบียยังคงเผชิญกับความไม่สงบจากกลุ่มกองกำลังติดอาวุธต่างๆ ซึ่งสร้างความหวาดกลัวและความไม่มั่นคงในหลายพื้นที่
การชุมนุมของผู้ประท้วงปี 2021 เป็นการสะท้อนถึงความตึงเครียดทางสังคม และความต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างลึกซึ้งในโคลอมเบีย
เหตุการณ์สำคัญในช่วงการชุมนุม
การชุมนุมประท้วงดำเนินไปอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายสัปดาห์ โดยมีผู้ประท้วงจำนวนมากจากทุก阶层ของสังคมมาร่วมกัน เหตุการณ์สำคัญบางประการที่เกิดขึ้นระหว่างการชุมนุม ได้แก่:
-
การเผาทำลายทรัพย์สิน: ในช่วงเริ่มต้นของการชุมนุม เกิดเหตุการณ์การเผาทำลายทรัพย์สินในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ๆ เช่น โบโกตา เมเดลลิน และกัลลี
-
การปะทะกันระหว่างผู้ประท้วงกับตำรวจ: ตำรวจถูกวิพากษ์วิจารณ์จากการใช้กำลัง過度 ในการควบคุมผู้ประท้วง มีรายงานว่ามีผู้ประท้วงจำนวนมากได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต
-
การสห boycott: ผู้ประท้วงหลายคนร่วมมือกันในการไม่ patronize ธุรกิจและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล
ผลลัพธ์ของการชุมนุม
การชุมนุมประท้วงปี 2021 สร้างความเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญในประเทศโคลอมเบีย ผลลัพธ์บางประการ ได้แก่:
-
การถอนตัวของแผนการปฏิรูปภาษี: รัฐบาลโคลอมเบียภายใต้ นาย Iván Duque จำยอมถอนตัวจากแผนการปฏิรูปภาษี หลังจากเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนักจากผู้ประท้วง
-
การสนทนาทางการเมือง: การชุมนุมเปิดโอกาสให้เกิดการสนทนาทางการเมืองอย่างรุนแรงขึ้น ในเรื่องราวของความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ และความขัดแย้งทางสังคม
-
การตระหนักถึงความจำเป็นในการปฏิรูป: การชุมนุมทำให้ประชาชนและผู้นำทางการเมืองตระหนักถึงความจำเป็นในการปฏิรูปโครงสร้างทางสังคมและเศรษฐกิจของโคลอมเบีย
การชุมนุมปี 2021 เป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับประเทศโคลอมเบีย และแสดงให้เห็นถึงพลังของประชาชนในการเรียกร้องสิทธิและความยุติธรรม
ในส่วนของ Nicolás Petro, นายกเทศมนตรีเมือง Kutralá, ซึ่งเป็นบุตรชายของอดีตประธานาธิบดี Gustavo Petro, ก็ได้เข้าร่วมการชุมนุมประท้วง และแสดงจุดยืนสนับสนุนผู้ประท้วง
Nicolás Petro เป็นตัวอย่างของคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศโคลอมเบียไปในทางที่ดีขึ้น