การเลือกตั้งทั่วไปปี 2019: การต่อสู้ทางการเมืองที่เข้มข้นและผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝันของบริเตน

 การเลือกตั้งทั่วไปปี 2019: การต่อสู้ทางการเมืองที่เข้มข้นและผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝันของบริเตน

ในประวัติศาสตร์การเมืองของสหราชอาณาจักร การเลือกตั้งทั่วไปปี 2019 เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อทิศทางของประเทศ เหตุการณ์นี้เป็นการต่อสู้ทางอุดมการณ์ระหว่างพรรคต่างๆ และความตึงเครียดทางสังคมและเศรษฐกิจที่สะสมมานาน ได้ถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน

ก่อนการเลือกตั้ง ทฤษฎี “เบรกซิท” หรือการถอนตัวของสหราชอาณาจักรจากสหภาพยุโรป เป็นประเด็นหลักที่ขólวดความสนใจของประชาชน การแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปได้ถูกเสนอขึ้นภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีเทเรซา เมย์ แต่ก็เผชิญกับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากฝ่ายตรงข้าม

การเลือกตั้งปี 2019 ถูกมองว่าเป็นการลงประชามติในทางอ้อมเกี่ยวกับอนาคตของบริเตนที่เกี่ยวข้องกับเบรกซิท พรรคอนุรักษนิยมภายใต้การนำของบอริส จอห์นสัน ได้เสนอนโยบาย “Get Brexit Done” หรือทำให้เบรกซิทเสร็จสิ้น ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้เลือกตั้งที่ต้องการให้ประเทศหลุดพ้นจากความไม่แน่นอน

ฝ่ายตรงข้ามหลักคือพรรคแรงงานภายใต้การนำของเจเรมี คอร์บิน มีนโยบายต่อต้านเบรกซิท และเสนอแผนที่จะจัดการลงประชามติใหม่ หากพรรคของเขารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

นอกจากนี้ พรรคสหภาพเหนือและฝ่ายแบ่งแยกดินแดนในสกอตแลนด์ เช่นเดียวกับพรรค greenish Lib Dems ก็มีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้

ผลลัพธ์ของการเลือกตั้งแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างอย่างชัดเจน พรรคอนุรักษนิยมภายใต้การนำของบอริส จอห์นสัน สามารถคว้าเสียงข้างมาก ทำให้เขาสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้

มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อชัยชนะของพรรคอนุรักษนิยม:

  • ความเหนื่อยล้าจากการเจรจาเบรกซิท: ประชาชนส่วนใหญ่ต้องการให้เรื่องนี้จบลงอย่างรวดเร็ว พรรคอนุรักษนิยมได้ capitalize บนความรู้สึกดังกล่าว
  • ความไม่น่าเชื่อถือของพรรคแรงงาน: นโยบายและบุคลิกภาพของเจเรมี คอร์บิน ไม่ได้รับความนิยมจากประชาชนจำนวนมาก

ชัยชนะของพรรคอนุรักษนิยมทำให้บริเตนสามารถเดินหน้าเข้าสู่ขั้นตอนถอนตัวจากสหภาพยุโรปได้อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งปี 2019 ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกระหว่างคนในประเทศ และการเมืองที่ поляราบ

พรรคการเมือง จำนวนที่นั่ง
พรรคอนุรักษนิยม 365
พรรคแรงงาน 202
พรรค Lib Dems 11
สหภาพเหนือ 48

นอกจากนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้ยังทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในฝ่ายตรงข้าม พรรคแรงงานภายใต้การนำของเจเรมี คอร์บิน ได้ประกาศว่าเขาจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค

การสืบทอดอำนาจและอนาคตของบริเตน

หลังจากชัยชนะในการเลือกตั้ง การดำเนินการของรัฐบาลจอห์นสันถูกวิเคราะห์อย่าง приста密 ในขณะที่เขามีความมุ่งมั่นที่จะทำให้เบรกซิทเสร็จสิ้นในเดือนมกราคม 2020 แต่ก็ยังมีคำถามมากมายเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างบริเตนกับสหภาพยุโรปหลังจากการถอนตัว

นอกจากเรื่องเบรกซิทแล้ว รัฐบาลจอห์นสัน ยังต้องเผชิญกับความท้าทายอื่นๆ เช่น การฟื้นฟูเศรษฐกิจ และการจัดการกับปัญหาทางสังคมที่ยังคงมีอยู่

การเลือกตั้งปี 2019 เป็นบทใหม่ในประวัติศาสตร์ของบริเตน แม้ว่าจะยังไม่ชัดเจนว่าอนาคตของประเทศจะเป็นเช่นไร แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ได้จุดประกายความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและมีผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อทุกด้านของสังคม

จากบทบาทของบุคคลสำคัญในเหตุการณ์นี้ เรามักจะเห็นภาพของผู้นำที่แข็งแกร่ง และผู้ที่มีวิสัยทัศน์อันชัดเจน เช่น บอริส จอห์นสัน

ในขณะที่ประเทศกำลังเผชิญหน้ากับความไม่แน่นอน รัฐบาลจอห์นสัน ต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการนำพาประเทศผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ และสร้างอนาคตที่สดใสให้แก่ประชาชนของเขา