การประท้วงปี 2554 ที่ทำให้ประเทศอียิปต์เปลี่ยนไปตลอดกาล: การล่มสลายของระบอบเผด็จการและการเริ่มต้นของความไม่แน่นอน

ภาพถ่ายของ Tahrir Square ในกรุงไคโร อัดแน่นไปด้วยผู้ประท้วงที่เรียกร้องประชาธิปไตยในปี 2554 เป็นภาพที่ตราตรึงอยู่ในใจใครหลายคน ผู้คนจากทุกสารทิศหลั่งไหลมารวมตัวกันเพื่อต่อสู้กับอำนาจเผด็จการของ Hosni Mubarak ที่ครองประเทศมาเกือบสามสิบปี การประท้วงครั้งนี้ไม่ใช่แค่การชุมนุมธรรมดา แต่เป็นการปฏิวัติที่เปลี่ยนแปลงโฉมหน้าของอียิปต์ไปตลอดกาล
Hosni Mubarak สืบทอดอำนาจในปี 2528 หลังจากการลอบสังหาร Anwar Sadat และปกครองประเทศด้วยมือหนักมาอย่างยาวนาน ระบอบเผด็จการของเขาถูกครหาเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชน การคอร์รัปชั่น และการขาดความโปร่งใส
สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและอัตราว่างงานที่สูงขึ้นทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ประชาชน อีกทั้ง การเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมและการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกก็ยิ่งบั่นทอนขวัญกำลังใจของประชาชน
กระบอกจุดชนวนของการปฏิวัติคือการเสียชีวิตของ Khaled Said หนุ่มชาวอียิปต์ที่ถูกตำรวจทำร้ายจนเสียชีวิต การเผยแพร่ภาพและคลิปของเหตุการณ์นี้บนโลกออนไลน์จุดประกายความโกรธแค้นในหมู่ประชาชน
วันที่ 25 มกราคม 2554 ผู้ประท้วงจำนวนมากรวมตัวกันที่ Tahrir Square ในกรุงไคโร พวกเขาร้องเรียกร้องให้ Mubarak ลาออก และเรียกร้องประชาธิปไตยและความยุติธรรม
การประท้วงกลายเป็นการเคลื่อนไหวระดับชาติอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์สำคัญ | วันที่ |
---|---|
การเสียชีวิตของ Khaled Said | 6 มิถุนายน 2553 |
การเริ่มต้นการประท้วงที่ Tahrir Square | 25 มกราคม 2554 |
Mubarak ลาออกจากตำแหน่ง | 11 กุมภาพันธ์ 2554 |
หลังจาก 18 วันของการต่อสู้และความตึงเครียด Mubarak ก็ลาออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี
ความสำเร็จของการปฏิวัติปี 2554 แสดงให้เห็นถึงพลังของประชาชน และความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ในสังคมที่ยุติธรรมและเสรี
อย่างไรก็ตาม การปฏิวัติก็ไม่ได้ทำให้เกิดความสงบสุขอย่างถาวร อียิปต์ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางการเมือง การเลือกตั้งหลายครั้ง และการลุกฮือของกลุ่ม extremists
การประท้วงปี 2554 เป็นบทเรียนที่สำคัญสำหรับอียิปต์และโลก
มันแสดงให้เห็นถึงความสามารถของประชาชนในการต่อสู้เพื่อสิทธิและเสรีภาพของตน
แต่ก็เป็นการเตือนว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ต้องใช้เวลา และมักจะมาพร้อมกับความท้าทายที่ยากลำบาก