การปฏิวัติ 1848: กบฏของประชาชนและการรื้อฟื้นความหวังของชาติเยอรมัน

 การปฏิวัติ 1848: กบฏของประชาชนและการรื้อฟื้นความหวังของชาติเยอรมัน

ในบทความนี้ เราจะย้อนกลับไปยังยุคทองของประวัติศาสตร์เยอรมันช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและการเมืองอย่างใหญ่หลวง การปฏิวัติปี 1848 ทั่วทวีปยุโรปเป็นจุดเริ่มต้นของการลุกขึ้นต่อสู้เพื่อเสรีภาพ อิสรภาพ และสิทธิของประชาชน

ในเยอรมนี การปฏิวัตินี้เกิดจากความไม่พอใจที่สะสมมานานของประชาชนที่มีต่อระบอบกษัตริย์ 절대주의 และการขาดสิทธิพลเมืองพื้นฐาน ยิ่งไปกว่านั้น การแยกตัวของรัฐต่างๆ ในจักรวรรดิเยอรมันยังเป็นอุปสรรคต่อการรวมชาติและความเจริญของประเทศ

ขณะที่กระแสการปฏิวัติซัดทลายกำแพงกีดกันในกรุงเวียนนาและปารีส, เยอรมนีก็ได้กลายเป็นฉนวนของความไม่สงบด้วยเช่นกัน หนึ่งในตัวละครสำคัญที่ยืนหยัดต่อสู้เพื่อความยุติธรรมในช่วงเวลานั้นคือ Otto von Bismarck

Bismarck, ผู้ที่ภายหลังกลายมาเป็น " żelazny kanclerz" (แปลว่า นายกรัฐมนตรีเหล็ก) ของเยอรมนี, ได้แสดงบทบาทสำคัญในการนำประเทศเยอรมันไปสู่การรวมชาติในปี 1871

แม้ Bismarck จะไม่ได้เป็นผู้นำการปฏิวัติปี 1848 โดยตรง แต่เขาก็เป็นพยานและผู้ที่ได้รับรู้ถึงความปรารถนาของประชาชนในการมีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น และได้นำคติสอนใจจากการปฏิวัติมาปรับใช้ในการดำเนินนโยบาย

Bismarck เป็นนักการเมืองผู้ชาญฉลาดและ calculative, รู้จักยึดถือ “Realpolitik” หรือ “การเมืองของความจริง” ซึ่งหมายถึงการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองอย่าง objective และใช้วิธีการที่เหมาะสมเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ของชาติ

ในขณะที่ Bismarck ยอมรับว่าการปฏิวัติปี 1848 มีความสำคัญต่อการปลุกระดมจิตสำนึกแห่งชาติเยอรมัน แต่เขาก็ยืนกรานว่าการรวมชาติต้องอาศัยอำนาจของรัฐและการเจรจาทางการทูตมากกว่าการใช้กำลังของประชาชน

บทบาทของ Bismarck ในการปฏิวัติ 1848

Bismarck เป็นสมาชิกสภาปรัสเซียนในขณะนั้น และได้แสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ที่เรียกร้องสิทธิพลเมืองและการปกครองแบบประชาธิปไตย

  • สนับสนุนการรวมชาติ: Bismarck เชื่อว่าเยอรมนีควรเป็นหนึ่งเดียว ซึ่งเป็นเป้าหมายร่วมกันของผู้คนในยุคปฏิวัติ
  • ต่อต้านความรุนแรง: Bismarck ไม่เห็นด้วยกับการใช้ความรุนแรงในการปฏิวัติ

Bismarck ภายหลังได้นำประสบการณ์จากการปฏิวัติปี 1848 มาใช้ในการกำหนดนโยบายของเขา ในที่สุด Bismarck ก็สามารถนำพาเยอรมนีไปสู่การรวมชาติและกลายเป็นมหาอำนาจของยุโรปในศตวรรษที่ 19

การรื้อฟื้นความหวังของชาติเยอรมัน: ย้อนกลับไปยังปี 1848

เหตุการณ์สำคัญ รายละเอียด
การลุกฮือครั้งใหญ่ ก่อตัวขึ้นในกรุงเบอร์ลินและแพร่กระจายไปทั่วเยอรมนี
การเรียกร้องสิทธิพลเมือง ประชาชนต้องการมีส่วนร่วมในการปกครองประเทศ
ความไม่พอใจต่อระบอบกษัตริย์ 절대주의 กษัตริย์ถูกมองว่าเป็นผู้ใช้อำนาจอย่าง despotic และละเลยความต้องการของประชาชน

การปฏิวัติปี 1848 แม้จะล้มเหลวในที่สุด แต่ก็ได้ปลุกกระดมจิตสำนึกแห่งชาติเยอรมันและจุดประกายความหวังในการรวมชาติ